tag:blogger.com,1999:blog-33536843628055492142024-03-12T21:59:09.750-07:00Tamarin. タマリンド。tickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-3353684362805549214.post-83591859994565661212009-09-03T02:50:00.000-07:002009-09-03T03:01:59.704-07:00น้ำพริกมะขาม<span style="font-size:180%;"><span style="font-weight: bold;">น้ำพริกมะขาม</span></span>ที่เราเคยทานกัน<br />ปกติเวลาที่รับประทานน้ำพริกไม่เคยคิดจะถามสูตรแต่ตอนนี้ได้มาแล้วค่ะ เค้าบอกต่อมาอีกที่ว่าเป็นของ<br />ม.ล เนื่อง นิลรัตน์ มิน่าอร่อยมากเลย อยากนำมาฝากค่ะ เมนูนี้ชื่อน้ำพริกมะขามสดค่ะ<br /><br />เค้ามีเครื่องปรุงตามนี้<br /><br />มะขามสดเอาแบบอ่อนนะค่ะ<br />มีหมู กุ้งแห้ง ถ้าคนแพ้กุ้งใช้ปลากรอบแทนได้ (ติ๊กกี๋ไม่ทานกุ้งอะค่ะ)<br />ใช้กะปิดี มีกระเทียม พริกขี้หนู พริกเหลือง เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปีบ<br />น้ำมันหมู ปูเค็ม หรือแมงดา ค่ะ<br /><br />วิธีในการทำ<br /><br />1. นำมะขามมาล้างให้สะอาด แล้วตำกับเกลือเอาพอนิดหน่อยนะค่ะให้ละเอียด<br />2. ตำกุ้งแห้งให้ป่นแล้วเตรียมไว้ก่อน จากนั้นสับหมูไว้ค่ะ <br />3. นำกระเทียมมาตำกับกะปิดี พริกขี้หนู พริกเหลือง แล้วใส่มะขามสดที่ตำไว้ลงไปใส่กุ้งแห้ง<br /> ตำหยาบๆ จากนั้นก็ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ครบ 3 รส<br />4. ถ้าจะใส่ปูเค็มไม่ต้องเอาไปผัดให้ฉีกปูเคล้าลงไป ถ้าจะผัด ก็เอาน้ำมันใส่กระทะ แล้วเอาน้ำพริกที่ตำไว้ <br /> เคล้ากับหมูสับแล้วผัดลงไปนะค่ะ ถ้าสุกจะหอมมาก ถ้าจะใส่แมงดาก็หั่นแมงดามาเคล้า อย่าเอาแมงดา<br /> ไปผัด จะไม่มีกลิ่นหอมค่ะ<br /><br />สำหรับเครื่องแกล้มที่ใช้กินก็เป็นพวก<br /><br />ปลาทูทอด เนื้อเค็มจะฉีกเป็นเส้น หรือคั่วให้กรอบ ใส่น้ำตาลทราย<br />ไข่กับหมู 3 ชั้นพะโล้ หัวไชโป๊ต้มกับกะทิใส่น้ำตาล<br />กากหมูจากมันแข็ง เจียวให้แห้งแล้วใส่น้ำตาล<br />หรือใบทองหลางลายทอดกรอบ<br />กินทุกอย่างตามที่เขียนมาจึงเรียกกินครบเครื่องของน้ำพริกมะขามสด(เค้าบอกมาอย่างนั้นค่ะ) <br /><br />ส่วนผักที่ใช้กินจริงๆ ก็ทานได้หมดแต่ถ้าตามสูตรนะค่ะก็จะเป็น สายบัว มะเขือ แตงกวา ขมิ้นขาว<br />ผักใบทุกอย่างที่เราชอบกินค่ะ<br /><br />อูยเขียนเสร็จหิวแล้วล่ะค่ะtickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3353684362805549214.post-76918472913758741612009-09-03T02:41:00.000-07:002009-09-08T20:01:56.374-07:00มะขามแก้ว<span style="color: rgb(102, 51, 0);font-size:130%;" ><span style="font-weight: bold;">ทำมะขามแก้วกินกัน</span></span><br /><br />ปกติเพื่อนๆ รู้ขั้นตอนการทำมะขามแก้วไหมค่ะ ที่เรารับประทานกันว่าเค้าทำอย่างไร ติ๊ีกกี๋ก็เลยนำมาฝากเผื่อเพื่อนๆ ลองทำดูค่ะ <p><span class="h2" style="color: rgb(0, 51, 0);">ขั้นตอนแรกเตรียมส่วนผสมเหมือนเคย<br /></span></p> <b>ส่วนผสม</b> <ul type="disc"><li>มะขามเปียกใหม่ๆ แกะเมล็ดสับให้ละเอียดค่ะ ตามสูตรเค้าบอกว่า 1 1/4 ถ้วย </li><li>เกลือป่น 4 ช้อนตวง</li><li>น้ำตาลทราย 9 ถ้วย</li><li>พริกขี้หนูสดโขลกละเอียด 1/2 ช้อนชา (คือไม่ชอบรสจัด)หากชอบรสจัดก็เป็น 1 ช้อนชาค่ะ<br /></li><li> น้ำเย็น 1 ถ้วย </li></ul> <b>ขั้นตอนการทำ </b> <ol><li>นำมะขามมาละลายกับน้ำเย็นแล้วเทใส่กระทะ ตั้งไฟ พอมะขามละลายใส่เกลือป่น ใส่พริกขี้หนูที่เราโขลกไว้ ตามด้วยใส่น้ำตาลทรายลงไปก่อนสัก 3 ถ้วยค่ะ เคี่ยวเลย ให้เหนียวจนเป็นยางมะตูม </li><li>จากนั้นเติมน้ำตาลทีละถ้วย จนครบคนให้เข้ากัน </li><li>แล้วยกลงทิ้งเอาไว้ให้เย็น ที่นี่นำมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ขนาดตามที่เราต้องการค่ะ</li><li> คลุกกับน้ำตาลทราย อีกครั้ง</li><li>แล้วนำไป เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดนะค่ะ หรือห่อกระดาษแก้วก็ได้<br /></li></ol>เป็นไงง่ายๆ แบบนี้เองค่ะ .................<br /><br />หากเพื่อนๆ สนใจสามารถติดตามที่นี่ได้นะคะ :คลิกไปที่<br /> <a href="http://www.jeedjard.com/thai/partner.php?target=profiles&mode=add&aff_id=368" onclick="javascript: return false;">http://www.jeedjard.com/thai/partner.php?target=profiles&mode=add&aff_id=368</a>tickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3353684362805549214.post-26475704633835353132009-09-03T02:05:00.000-07:002009-09-03T02:29:52.883-07:00มาำทำน้ำมะขามดื่มกัน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjliFHsoMox8ugaxJ9fyOHUsGIKpNqdKpv4OupgY7bdabg5RWszHdG8UB_z-1PmRrBHYQJtFVJKOD54AccuLHBAsLG6akYU1tBVerwFo9yuhhJo3646jVysvQbjoah4w_RsjPICJg_H9E8h/s1600-h/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 84px; height: 110px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjliFHsoMox8ugaxJ9fyOHUsGIKpNqdKpv4OupgY7bdabg5RWszHdG8UB_z-1PmRrBHYQJtFVJKOD54AccuLHBAsLG6akYU1tBVerwFo9yuhhJo3646jVysvQbjoah4w_RsjPICJg_H9E8h/s200/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5377168715003397442" border="0" /></a><br /><span style="font-size:130%;"><span style="color: rgb(102, 51, 0); font-weight: bold;">น้ำมะขามอร่อยๆ </span></span><br /><br />สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ติ๊กกี๋นำวิธีทำน้ำมะขามแบบง่ายมาฝาก<br /><span style="color: rgb(102, 51, 0);font-size:100%;" ><span style="font-weight: bold;">ขั้นตอนแรกต้องเตรียมส่วนผสม</span></span> กันก่อนนะค่ะ<br />เนื้อมะขามสด หรือหรือมะขามเปียก เอาแบบ 2 ฝักใหญ่ ๆ<br />พอประมาณหาน้ำเชื่อมมาค่ะประมาณ 2 ช้อนคาว<br /> เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2/5ช้อนชา ก็พอ<br /> แล้วก็น้ำเปล่าค่ะ วัดตามสัดส่วนก็ประมาณ 16 ช้อนคาว<br /><br /><span style="font-weight: bold; color: rgb(102, 51, 0);">ขั้นตอนต่อมาก็วิธีทำแสนง่าย...................</span><br /><br />เราก็นำมะขามสดที่ได้ไปต้มในน้ำต้มเดือดนะค่ะ<br />ตักขึ้น แล้วแกะเอาแต่เนื้อมะขาม<br />จากนั้นก็นำไปต้มกับน้ำตามตามส่วนผสมค่ะ<br />พอเดือดเติมน้ำเชื่อม เกลือ ลงไป ชิม ตามรสที่เราชอบ<br />มีข้อสังเกตุค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ใช้มะขามเปียก ก็ให้แช่น้ำไว้สัก 1/2 ชั่วโมงก่อนนะค่ะ<br />เพื่อให้มะขามเปียก เปื่อยยุ่ยออกมารวมกับน้ำ<br /><br />เพื่อนรู้ไหมค่ะ ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการดื่มน้ำมะขามเป็นอย่างไร และที่สำคัญ<br />ยังมีคุณค่าทางอาหารด้วยค่ะ เราจะได้รับวิตามินเอ ที่จะช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซียมช่วย บำรงกระดูก<br />รวมทั้งแก้กระหายน้ำ ยังไม่หมดนะค่ะยังมี คุณค่าทางยาด้วยค่ะ คือช่วยขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบายท้อง ช่วยการ ขับถ่ายได้ดี ลดอาการโลหิตจาง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน<br />เห็นไหมค่ะทำก็ง่าย แถมได้ประโยชน์ด้วย ไม่ลองทำดื่มเองบ้างหรือค่ะtickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3353684362805549214.post-65917561281739838522009-09-03T01:35:00.000-07:002009-09-03T01:43:22.837-07:00ประโยชน์ของมะขาม<span style="color: rgb(102, 51, 0);font-size:180%;" ><span style="font-weight: bold;">ประโยชน์ของมะขาม</span></span><br /><br /><br /><div style="text-align: justify;"> * ส่วนที่ใช้เป็นยา : เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกต้น (ทั้งสดหรือแห้ง) เนื้อในเมล็ด<br /> * สรรพคุณและวิธีใช้<br /> 1. แก้อาการท้องผูก ใช้เนื้อฝักแก่หรือมะขามเปียก 10–20 ฝัก (หนักประมาณ 70–150 กรัม) จิ้มกับเกลือรับประทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำคั้นดื่ม<br /> 2. แก้อาการท้องเดิน ใช้เปลือกต้น ทั้งสดหรือแห้งประมาณ 1–2 กำมือ (15–30 กรัม) ต้มกับน้ำปูนใสหรือน้ำรับประทาน<br /> 3. ถ่ายพยาธิลำไส้ ใช้เมล็ดคั่วกะเทาะเปลือกเอาออกเนื้อในเมล็ดแช่น้ำเกลือจนนุ่ม รับประทานครั้งละ 20–30 เมล็ด เหมาะสำหรับถ่ายพยาธิไส้เดือน<br /> 4. แก้ไอขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปียกจิ้มเกลือรับประทาน<br /> * คุณค่าทางโภชนาการ : ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย<br /> <br />จากนิตยสาร Health Today ได้เขียนไว้นะค่ะว่า<br />ความลับอันทรงคุณค่าของมะขามเพิ่งถูกค้นพบและดึงออกมาเป็นจุดเด่นใหม่ คือมะขามอุดมด้วยสาร AHA (Alpha hydroxyl acids) คือกรดผลไม้ ค่ะ เหมือนที่มีในแอปเปิ้ล องุ่น กระทั่งในนมก็มี สรรพคุณของ AHA คือช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไปเร็วเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า เดิม ยิ่งในมะขามอุดมด้วยวิตามินซีมากก็จะช่วยบำรุงผิวด้วยอีกทางหนึ่ง<br /><br />คนไทยสมัยก่อนนิยมนำน้ำมะขามเปียกมาคั้นแล้วมาทาใบหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็จะได้ผิวหน้านุ่ม ใส ไร้สิว ทำให้ปัจจุบันเกิดธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังเน้นไปที่การใช้สมุนไพรไทยเป็นจุดขาย แล้วหันมานำมะขามสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใส่หลอดแล้วจำหน่ายในรูปแบบของครีมล้างหน้า ครีมพอกหน้า บ้าง ผสมไปกับขมิ้นชัน และน้ำผึง บ้าง เพื่อเพิ่มสรรพคุณบำรุงผิว<br /><br />แต่มีข้อควรระวังนะค่ะ เพราะสำหรับคนที่ใช้มะขามบำรุงผิวหน้าต้องระวังอย่าให้เข้าตา เพราะกรดในมะขามทำให้แสบตาได้แบบไม่ลืมเลยเค่ะ<br />สำหรับบางคนอาจจะแพ้สารในมะขามได้ โดยจะรู้สึกผิวแสบร้อนแบบนี้ก็ไม่ควรใช้นะค่ะ<br /><br />มะขามเป็นพืชที่เปี่ยมสรรพคุณทรงคุณค่า ใช้ได้ทั้งกินทั้งทา สารพัดประโยชน์เช่นนี้<br />จะไม่รีบซื้อหามาติดบ้านไว้ หรือไปหามาปลูกสักต้นหรือค่ะ <br /><br />แหล่งที่มาจาก : จากนิตยสาร Health Today<br /><br /><br /><br /><br /><br /><br /></div>tickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-3353684362805549214.post-23815642282285644892009-09-03T01:23:00.000-07:002009-09-03T03:02:41.766-07:00มาทำความรู้จักกับมะขามกัน<a onblur="try {parent.deselectBloggerImageGracefully();} catch(e) {}" href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkvLJWqdGWqu_MszKxY606t6-5uAnxsZtQIMiei5kvT-upRZIDdVMS0WzHs4FfArP3nbz49iCih2h54JXDXJSurgH8FsL2EOMiLem7ohKqWNRvXYPR2HPhxL_oQbVeJvIxW842imGy4Hai/s1600-h/1images.jpg"><img style="margin: 0pt 10px 10px 0pt; float: left; cursor: pointer; width: 118px; height: 89px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkvLJWqdGWqu_MszKxY606t6-5uAnxsZtQIMiei5kvT-upRZIDdVMS0WzHs4FfArP3nbz49iCih2h54JXDXJSurgH8FsL2EOMiLem7ohKqWNRvXYPR2HPhxL_oQbVeJvIxW842imGy4Hai/s200/1images.jpg" alt="" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5377156549064351554" border="0" /></a><br /><span style="font-size:180%;"><span style="font-weight: bold; color: rgb(102, 51, 51);font-family:verdana;" >มะขาม....<br /></span></span><div style="text-align: justify;">มะขามเป็นไม้ยืนต้นค่ะมีขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่ แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้ำตาล<br /><br />ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม<br /><br /></div>มะขามเมื่อลงดินแล้วจะโตเร็ว ควรใช้ไม้หลักพยุงไว้ให้แน่น การบำรุงรักษาหลังเริ่มปลูก ควรเอาใจใส่ดายหญ้ารอบต้น และรดน้ำทุกวัน นะค่ะ<br /><br />แหล่งที่มาของข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/tickkyhttp://www.blogger.com/profile/10386245250136445532noreply@blogger.com0