วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของมะขาม

ประโยชน์ของมะขาม


* ส่วนที่ใช้เป็นยา : เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกต้น (ทั้งสดหรือแห้ง) เนื้อในเมล็ด
* สรรพคุณและวิธีใช้
1. แก้อาการท้องผูก ใช้เนื้อฝักแก่หรือมะขามเปียก 10–20 ฝัก (หนักประมาณ 70–150 กรัม) จิ้มกับเกลือรับประทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำคั้นดื่ม
2. แก้อาการท้องเดิน ใช้เปลือกต้น ทั้งสดหรือแห้งประมาณ 1–2 กำมือ (15–30 กรัม) ต้มกับน้ำปูนใสหรือน้ำรับประทาน
3. ถ่ายพยาธิลำไส้ ใช้เมล็ดคั่วกะเทาะเปลือกเอาออกเนื้อในเมล็ดแช่น้ำเกลือจนนุ่ม รับประทานครั้งละ 20–30 เมล็ด เหมาะสำหรับถ่ายพยาธิไส้เดือน
4. แก้ไอขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปียกจิ้มเกลือรับประทาน
* คุณค่าทางโภชนาการ : ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย

จากนิตยสาร Health Today ได้เขียนไว้นะค่ะว่า
ความลับอันทรงคุณค่าของมะขามเพิ่งถูกค้นพบและดึงออกมาเป็นจุดเด่นใหม่ คือมะขามอุดมด้วยสาร AHA (Alpha hydroxyl acids) คือกรดผลไม้ ค่ะ เหมือนที่มีในแอปเปิ้ล องุ่น กระทั่งในนมก็มี สรรพคุณของ AHA คือช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไปเร็วเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า เดิม ยิ่งในมะขามอุดมด้วยวิตามินซีมากก็จะช่วยบำรุงผิวด้วยอีกทางหนึ่ง

คนไทยสมัยก่อนนิยมนำน้ำมะขามเปียกมาคั้นแล้วมาทาใบหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็จะได้ผิวหน้านุ่ม ใส ไร้สิว ทำให้ปัจจุบันเกิดธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังเน้นไปที่การใช้สมุนไพรไทยเป็นจุดขาย แล้วหันมานำมะขามสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใส่หลอดแล้วจำหน่ายในรูปแบบของครีมล้างหน้า ครีมพอกหน้า บ้าง ผสมไปกับขมิ้นชัน และน้ำผึง บ้าง เพื่อเพิ่มสรรพคุณบำรุงผิว

แต่มีข้อควรระวังนะค่ะ เพราะสำหรับคนที่ใช้มะขามบำรุงผิวหน้าต้องระวังอย่าให้เข้าตา เพราะกรดในมะขามทำให้แสบตาได้แบบไม่ลืมเลยเค่ะ
สำหรับบางคนอาจจะแพ้สารในมะขามได้ โดยจะรู้สึกผิวแสบร้อนแบบนี้ก็ไม่ควรใช้นะค่ะ

มะขามเป็นพืชที่เปี่ยมสรรพคุณทรงคุณค่า ใช้ได้ทั้งกินทั้งทา สารพัดประโยชน์เช่นนี้
จะไม่รีบซื้อหามาติดบ้านไว้ หรือไปหามาปลูกสักต้นหรือค่ะ

แหล่งที่มาจาก : จากนิตยสาร Health Today






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น