วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2552

น้ำพริกมะขาม

น้ำพริกมะขามที่เราเคยทานกัน
ปกติเวลาที่รับประทานน้ำพริกไม่เคยคิดจะถามสูตรแต่ตอนนี้ได้มาแล้วค่ะ เค้าบอกต่อมาอีกที่ว่าเป็นของ
ม.ล เนื่อง นิลรัตน์ มิน่าอร่อยมากเลย อยากนำมาฝากค่ะ เมนูนี้ชื่อน้ำพริกมะขามสดค่ะ

เค้ามีเครื่องปรุงตามนี้

มะขามสดเอาแบบอ่อนนะค่ะ
มีหมู กุ้งแห้ง ถ้าคนแพ้กุ้งใช้ปลากรอบแทนได้ (ติ๊กกี๋ไม่ทานกุ้งอะค่ะ)
ใช้กะปิดี มีกระเทียม พริกขี้หนู พริกเหลือง เกลือ น้ำปลา น้ำตาลปีบ
น้ำมันหมู ปูเค็ม หรือแมงดา ค่ะ

วิธีในการทำ

1. นำมะขามมาล้างให้สะอาด แล้วตำกับเกลือเอาพอนิดหน่อยนะค่ะให้ละเอียด
2. ตำกุ้งแห้งให้ป่นแล้วเตรียมไว้ก่อน จากนั้นสับหมูไว้ค่ะ
3. นำกระเทียมมาตำกับกะปิดี พริกขี้หนู พริกเหลือง แล้วใส่มะขามสดที่ตำไว้ลงไปใส่กุ้งแห้ง
ตำหยาบๆ จากนั้นก็ปรุงรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม หวาน ครบ 3 รส
4. ถ้าจะใส่ปูเค็มไม่ต้องเอาไปผัดให้ฉีกปูเคล้าลงไป ถ้าจะผัด ก็เอาน้ำมันใส่กระทะ แล้วเอาน้ำพริกที่ตำไว้
เคล้ากับหมูสับแล้วผัดลงไปนะค่ะ ถ้าสุกจะหอมมาก ถ้าจะใส่แมงดาก็หั่นแมงดามาเคล้า อย่าเอาแมงดา
ไปผัด จะไม่มีกลิ่นหอมค่ะ

สำหรับเครื่องแกล้มที่ใช้กินก็เป็นพวก

ปลาทูทอด เนื้อเค็มจะฉีกเป็นเส้น หรือคั่วให้กรอบ ใส่น้ำตาลทราย
ไข่กับหมู 3 ชั้นพะโล้ หัวไชโป๊ต้มกับกะทิใส่น้ำตาล
กากหมูจากมันแข็ง เจียวให้แห้งแล้วใส่น้ำตาล
หรือใบทองหลางลายทอดกรอบ
กินทุกอย่างตามที่เขียนมาจึงเรียกกินครบเครื่องของน้ำพริกมะขามสด(เค้าบอกมาอย่างนั้นค่ะ)

ส่วนผักที่ใช้กินจริงๆ ก็ทานได้หมดแต่ถ้าตามสูตรนะค่ะก็จะเป็น สายบัว มะเขือ แตงกวา ขมิ้นขาว
ผักใบทุกอย่างที่เราชอบกินค่ะ

อูยเขียนเสร็จหิวแล้วล่ะค่ะ

มะขามแก้ว

ทำมะขามแก้วกินกัน

ปกติเพื่อนๆ รู้ขั้นตอนการทำมะขามแก้วไหมค่ะ ที่เรารับประทานกันว่าเค้าทำอย่างไร ติ๊ีกกี๋ก็เลยนำมาฝากเผื่อเพื่อนๆ ลองทำดูค่ะ

ขั้นตอนแรกเตรียมส่วนผสมเหมือนเคย

ส่วนผสม
  • มะขามเปียกใหม่ๆ แกะเมล็ดสับให้ละเอียดค่ะ ตามสูตรเค้าบอกว่า 1 1/4 ถ้วย
  • เกลือป่น 4 ช้อนตวง
  • น้ำตาลทราย 9 ถ้วย
  • พริกขี้หนูสดโขลกละเอียด 1/2 ช้อนชา (คือไม่ชอบรสจัด)หากชอบรสจัดก็เป็น 1 ช้อนชาค่ะ
  • น้ำเย็น 1 ถ้วย
ขั้นตอนการทำ
  1. นำมะขามมาละลายกับน้ำเย็นแล้วเทใส่กระทะ ตั้งไฟ พอมะขามละลายใส่เกลือป่น ใส่พริกขี้หนูที่เราโขลกไว้ ตามด้วยใส่น้ำตาลทรายลงไปก่อนสัก 3 ถ้วยค่ะ เคี่ยวเลย ให้เหนียวจนเป็นยางมะตูม
  2. จากนั้นเติมน้ำตาลทีละถ้วย จนครบคนให้เข้ากัน
  3. แล้วยกลงทิ้งเอาไว้ให้เย็น ที่นี่นำมาปั้นเป็นเม็ดกลมๆ ขนาดตามที่เราต้องการค่ะ
  4. คลุกกับน้ำตาลทราย อีกครั้ง
  5. แล้วนำไป เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดนะค่ะ หรือห่อกระดาษแก้วก็ได้
เป็นไงง่ายๆ แบบนี้เองค่ะ .................

หากเพื่อนๆ สนใจสามารถติดตามที่นี่ได้นะคะ :คลิกไปที่
http://www.jeedjard.com/thai/partner.php?target=profiles&mode=add&aff_id=368

มาำทำน้ำมะขามดื่มกัน


น้ำมะขามอร่อยๆ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้ติ๊กกี๋นำวิธีทำน้ำมะขามแบบง่ายมาฝาก
ขั้นตอนแรกต้องเตรียมส่วนผสม กันก่อนนะค่ะ
เนื้อมะขามสด หรือหรือมะขามเปียก เอาแบบ 2 ฝักใหญ่ ๆ
พอประมาณหาน้ำเชื่อมมาค่ะประมาณ 2 ช้อนคาว
เกลือป่นเสริมไอโอดีน 2/5ช้อนชา ก็พอ
แล้วก็น้ำเปล่าค่ะ วัดตามสัดส่วนก็ประมาณ 16 ช้อนคาว

ขั้นตอนต่อมาก็วิธีทำแสนง่าย...................

เราก็นำมะขามสดที่ได้ไปต้มในน้ำต้มเดือดนะค่ะ
ตักขึ้น แล้วแกะเอาแต่เนื้อมะขาม
จากนั้นก็นำไปต้มกับน้ำตามตามส่วนผสมค่ะ
พอเดือดเติมน้ำเชื่อม เกลือ ลงไป ชิม ตามรสที่เราชอบ
มีข้อสังเกตุค่ะ ถ้าเพื่อนๆ ใช้มะขามเปียก ก็ให้แช่น้ำไว้สัก 1/2 ชั่วโมงก่อนนะค่ะ
เพื่อให้มะขามเปียก เปื่อยยุ่ยออกมารวมกับน้ำ

เพื่อนรู้ไหมค่ะ ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการดื่มน้ำมะขามเป็นอย่างไร และที่สำคัญ
ยังมีคุณค่าทางอาหารด้วยค่ะ เราจะได้รับวิตามินเอ ที่จะช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซียมช่วย บำรงกระดูก
รวมทั้งแก้กระหายน้ำ ยังไม่หมดนะค่ะยังมี คุณค่าทางยาด้วยค่ะ คือช่วยขับเสมหะ แก้ไอ เป็นยาระบายท้อง ช่วยการ ขับถ่ายได้ดี ลดอาการโลหิตจาง ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
เห็นไหมค่ะทำก็ง่าย แถมได้ประโยชน์ด้วย ไม่ลองทำดื่มเองบ้างหรือค่ะ

ประโยชน์ของมะขาม

ประโยชน์ของมะขาม


* ส่วนที่ใช้เป็นยา : เนื้อในฝักแก่ (มะขามเปียก) เปลือกต้น (ทั้งสดหรือแห้ง) เนื้อในเมล็ด
* สรรพคุณและวิธีใช้
1. แก้อาการท้องผูก ใช้เนื้อฝักแก่หรือมะขามเปียก 10–20 ฝัก (หนักประมาณ 70–150 กรัม) จิ้มกับเกลือรับประทาน หรือใส่เกลือเติมน้ำคั้นดื่ม
2. แก้อาการท้องเดิน ใช้เปลือกต้น ทั้งสดหรือแห้งประมาณ 1–2 กำมือ (15–30 กรัม) ต้มกับน้ำปูนใสหรือน้ำรับประทาน
3. ถ่ายพยาธิลำไส้ ใช้เมล็ดคั่วกะเทาะเปลือกเอาออกเนื้อในเมล็ดแช่น้ำเกลือจนนุ่ม รับประทานครั้งละ 20–30 เมล็ด เหมาะสำหรับถ่ายพยาธิไส้เดือน
4. แก้ไอขับเสมหะ ใช้เนื้อในฝักแก่หรือมะขามเปียกจิ้มเกลือรับประทาน
* คุณค่าทางโภชนาการ : ยอดอ่อนและฝักอ่อนมีวิตามิน เอ มาก มะขามเปียกรสเปรี้ยว ทำให้ชุ่มคอ ลดความร้อนของร่างกายได้ดี เนื้อในฝักมะขามที่แก่จัด เรียกว่า "มะขามเปียก" ประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายตัว เช่น กรดทาร์ททาร์ริค กรดซิตริค เป็นต้น ทำให้ออกฤทธิ์ ระบายและลดความร้อนของร่างกายลงได้ แพทย์ไทยเชื่อว่า รสเปรี้ยวนี้จะกัดเสมหะให้ละลายได้ด้วย

จากนิตยสาร Health Today ได้เขียนไว้นะค่ะว่า
ความลับอันทรงคุณค่าของมะขามเพิ่งถูกค้นพบและดึงออกมาเป็นจุดเด่นใหม่ คือมะขามอุดมด้วยสาร AHA (Alpha hydroxyl acids) คือกรดผลไม้ ค่ะ เหมือนที่มีในแอปเปิ้ล องุ่น กระทั่งในนมก็มี สรรพคุณของ AHA คือช่วยขจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไปเร็วเผยผิวใหม่ที่สดใสกว่า เดิม ยิ่งในมะขามอุดมด้วยวิตามินซีมากก็จะช่วยบำรุงผิวด้วยอีกทางหนึ่ง

คนไทยสมัยก่อนนิยมนำน้ำมะขามเปียกมาคั้นแล้วมาทาใบหน้าทิ้งไว้สักพัก แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดก็จะได้ผิวหน้านุ่ม ใส ไร้สิว ทำให้ปัจจุบันเกิดธุรกิจเครื่องสำอางที่กำลังเน้นไปที่การใช้สมุนไพรไทยเป็นจุดขาย แล้วหันมานำมะขามสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใส่หลอดแล้วจำหน่ายในรูปแบบของครีมล้างหน้า ครีมพอกหน้า บ้าง ผสมไปกับขมิ้นชัน และน้ำผึง บ้าง เพื่อเพิ่มสรรพคุณบำรุงผิว

แต่มีข้อควรระวังนะค่ะ เพราะสำหรับคนที่ใช้มะขามบำรุงผิวหน้าต้องระวังอย่าให้เข้าตา เพราะกรดในมะขามทำให้แสบตาได้แบบไม่ลืมเลยเค่ะ
สำหรับบางคนอาจจะแพ้สารในมะขามได้ โดยจะรู้สึกผิวแสบร้อนแบบนี้ก็ไม่ควรใช้นะค่ะ

มะขามเป็นพืชที่เปี่ยมสรรพคุณทรงคุณค่า ใช้ได้ทั้งกินทั้งทา สารพัดประโยชน์เช่นนี้
จะไม่รีบซื้อหามาติดบ้านไว้ หรือไปหามาปลูกสักต้นหรือค่ะ

แหล่งที่มาจาก : จากนิตยสาร Health Today






มาทำความรู้จักกับมะขามกัน


มะขาม....
มะขามเป็นไม้ยืนต้นค่ะมีขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขามาก ไม่มีหนาม เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน ใบ เป็นใบประกอบ ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่ แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม. ดอก ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก ผล เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้ำตาล

ใบของมะขามเป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบย่อยแต่ละใบแยกออกจากก้าน 2 ข้างของแกนกลาง คล้ายขนนก ถ้าปลายสุดของใบจะเป็นใบย่อยเพียงใบเดียวเรียก แบบขนนกคี่ (odd pinnate) เช่น กุหลาบ อัญชัน ก้ามปู ถ้าสุดปลายใบมี 2 ใบ เรียกแบบขนนกคู่ (even pinnate) เช่น มะขาม

มะขามเมื่อลงดินแล้วจะโตเร็ว ควรใช้ไม้หลักพยุงไว้ให้แน่น การบำรุงรักษาหลังเริ่มปลูก ควรเอาใจใส่ดายหญ้ารอบต้น และรดน้ำทุกวัน นะค่ะ

แหล่งที่มาของข้อมูลจาก http://th.wikipedia.org/wiki/